รักษาฝ้า หน้าเนียนใส ไร้ปัญหาผิว
แชร์บทความนี้
เชื่อว่าสาวๆ ทุกคน เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเลข 3 เลข 4 ก็มักจะมีฝ้ามาเยือนบนใบหน้า ซึ่งนับเป็นปัญหาผิว ที่สร้างความกังวลใจมากที่สุดปัญหาหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะฝ้านั้นจะเกิดบนผิวหน้าเป็นหลัก โดยเฉพาะบริเวณ โหนกแก้มและหน้าผาก ซึ่งฝ้าจะมีเป็นบริเวณกว้างและเห็นเด่นชัด ค่อนข้างรักษาให้หายไปได้ยากมากๆ ทำให้สาวๆ หลายคนพยายามหาหนทางรักษาฝ้า กำจัดฝ้าให้หมดไป เพราะไม่อยากสูญเสียความมั่นใจ หมดสวยหน้าไม่ใส วันนี้ เราจึงได้รวบรวมเคล็ดลับและตัวช่วยดีๆ ในการรักษาฝ้ามาฝากกัน บอกเลยว่าการรักษาฝ้าสามารถทำได้และไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ฝ้าเกิดจากอะไร ?
ฝ้า หรือ Melasma เกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเจ้าเม็ดสีเมลานินนั้น มีหน้าที่กรองรังสียูวี และเมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย โดยรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ "รังสี UVA" ซึ่งรังสี UVA จะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสี UVB จึงสามารถทำลายชั้นผิวได้ลึก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อสาวๆ ตากแดดนานๆ ผิวถึงคล้ำเสียได้ในทันที และนอกจากแสงแดดแล้ว การใช้เครื่องสำอางบางชนิด การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็ยังเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้อีกด้วย
ฝ้าเกิดจากอะไร ?
" ฝ้าสามารถเกิดได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิงในทุกช่วงอายุ แม้จะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ
แต่ก็สามารถทำให้เสียความมั่นใจ การรักษาฝ้าที่ปลอดภัยยังต้องใช้เวลาและความอดทนในการรักษา
อีกทั้งฝ้ายังสามารถเกิดขึ้นได้ใหม่ได้หากตัวเราขาดการป้องกันผิวที่ดีพอ "
ฝ้าตื้น
ฝ้าลึก
ฝ้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
-
ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
-
ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น
6 เคล็ดไม่ลับ วิธีรักษาฝ้า
รักษาฝ้า กระ ด้วย Dr. Anna Skincare
สามารถสั่งซื้อได้ที่
1. เลือกใช้ครีมบำรุงรักษาฝ้า การเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA, วิตามินซี, อาร์บูติน (Arbutin), กรดโคจิก (Kojic) รวมไปถึงครีมทาฝ้า ครีมแก้ฝ้า หรือครีมรักษาฝ้าต่างๆ ก็สามารถทำให้ฝ้าจางลง และทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ เพียงแต่อาจต้องใช้ระยะเวลานาน จึงจะเห็นผล
รักษาฝ้า สูตรหัวไชเท้า
2. รักษาฝ้าสูตรหัวไชเท้า สูตรรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำหัวไชเท้า บดหยาบ ๆ มาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที (แล้วแต่สภาพผิวหน้าของแต่ละคนว่ารับได้แค่ไหน ส่วนคนที่มีผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรนี้) จากนั้น ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งหรือวันเว้นวัน ก็จะช่วยลดฝ้าทำให้ฝ้าดูจางลงได้มากเลยทีเดียว
รักษาฝ้า ด้วยกรด TCA, กรด AHA
3. รักษาฝ้าด้วยกรด TCA, กรด AHA (Chemical peeling) นับว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัย ที่สามารถช่วยทำให้เซลล์ผิวชั้นบนกับเม็ดสีเมลานินหลุดออกมาได้ โดยเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยผลักดันให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่หลังการทำทรีตเมนต์นี้ หน้าของคุณจะไวต่อแสงแดดมาก จึงต้องป้องกันให้ดีหลังการทำ คลินิกที่ให้บริการทรีตเมนต์ตัวนี้จะแนะนำให้ทำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอาจเห็นผลได้ค่อนข้างช้า
กินยารักษาฝ้า
4. ยากินรักษาฝ้า ปกติแล้วยากินชนิดนี้จะเป็นยากินที่มีคุณสมบัติทำให้เลือดแข็งตัว มีข้อบ่งใช้ที่ได้รับการรับรอง คือ การนำมาใช้รักษาและป้องกันภาวะเลือดออกในผู้ป่วยเลือดไหลหยุดยาก ส่วนการใช้ยานี้เพื่อรักษาฝ้านั้นก็เนื่องมาจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ที่ใช้สร้างเม็ดสีเมลานินได้ จึงมีผลทำให้ฝ้าจางลง แต่มีผลข้างเคียงของยา เช่น มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ดังนั้น จึงอยากแนะนำว่าผู้จะใช้ยาหรือกำลังใช้อยู่ ให้หาทางเลือกอื่นมาใช้ในการรักษาฝ้าแทนน่าจะปลอดภัยกว่า
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ฝ้ารักษายาก แต่รักษาได้
ในปัจจุบันการเลือกใช้ครีมรักษาฝ้า เป็นทางเลือกในการรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด...อ่านต่อ
กระ คืออะไร ?
“กระ” คือจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ที่กระจายตัวอยู่ตามผิวหนังส่วนต่างๆ ของร่างกาย...อ่านต่อ
ความแตกต่างของฝ้า - กระ และวิธีรักษาด้วยธรรมชาติ
ฝ้า-กระ คือริ้วรอยที่เกิดจากการที่ผิวผลิตเมลานินมากเกินไป....อ่านต่อ
ฉีดเมโสรักษาฝ้า
5. ฉีดเมโสรักษาฝ้า (Mesotherapy) เป็นการใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้นๆ เพื่อการกระจายตัวยาที่ใช้รักษาฝ้าลงสู่ชั้นเซลล์ที่มีปัญหา โดยจะฉีดลึกลงไปประมาณ 1-2 มม. ระยะห่างกันไม่เกิน 1 เซนติเมตร เฉพาะบริเวณที่มีฝ้า แต่ต้องทำการฉีดซ้ำทุกๆ 1-2 อาทิตย์ ก็จะช่วยให้ฝ้าดูจางลง
ไอออนโตรักษาฝ้า
6. ไอออนโตรักษาฝ้า (Iontophoresis) เป็นเครื่องมือที่อาศัยหลักการให้กำเนิดกระแสไฟฟ้าในระดับอ่อนๆ มีผลช่วยผลักยาหรือวิตามินที่เราทาไว้บนผิวให้ซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ยาออกฤทธิ์ในการรักษาฝ้าได้ดี โดยยาที่นิยมนำมาใช้จะอยู่ในรูปแบบของเจล อย่างเจลอาร์บูติน, เจลโคจิก, เจลวิตามินซี, เจลลิโคไลซ์ และทรานซามิคเจล การรักษาแบบนี้มีผลข้างเคียงน้อย แต่อาจมีอาการระคายเคืองได้บ้าง หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยรักษาฝ้าให้ดูจางลง
การป้องกันการเกิดฝ้า
สาวๆ ทราบกันไหมว่าอันที่จริงแล้ว การรักษาฝ้านั้น วิธีการป้องกันสำคัญมากที่สุดนั่นก็คือเราต้องหมั่นทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของน้ำเพื่อป้องกันการอุดตันของเนื้อครีมในรูขุมขน ครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF 15 - 30 ที่มีส่วนผสมของ PA+++ ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันทั้งรังสีอัลตร้า UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดในเวลา 10 - 14 นาฬิกา เนื่องจากเป็นเวลาที่แสงแดดแรงที่สุด นอกจากนี้ อาจหยุดรับประทานยาที่ส่งผลกระทบกับฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด เป็นต้น
วิธีรักษาฝ้าควรทำอย่างต่อเนื่องเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่หากฝ้ายังไม่ลดเลือน และยังเป็นปัญหากวนใจไม่หยุด คุณอาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังสำหรับวิธีรักษาฝ้าที่เหมาะสมและปลอดภัยเพื่อการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ รับรองว่าหน้าต้องใส ห่างไกลฝ้าได้อย่างแน่นอน