กระคืออะไร เป็นแล้วต้องรักษาไหม อันตรายหรือเปล่า
แชร์บทความนี้
ขึ้นชื่อว่าริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ใครๆก็คงไม่อยากจะให้มี แต่บางครั้งก็ยากที่เราจะหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดขึ้นเองของร่างกายอย่างรอย “กระ” หลายคนไม่ทราบว่า “กระ” คืออะไร เป็นแล้วต้องรักษาไหม มีอันตรายหรือเปล่า ทำไมจู่ๆ ผิวหนังของเราโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าถึงมีรอยจุดกระดำกระด่างกระจายไปทั่วได้ วันนี้เรามาหาคำตอบกันเพื่อคลายความกังวลใจกัน
กระคืออะไร
“กระ” คือจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ที่กระจายตัวอยู่ตามผิวหนังส่วนต่างๆ ของร่างกาย จุดสีน้ำตาลขนาดจิ๋วๆ เหล่านี้ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีหรือเมลานินทำงานผิดปกติ จนเกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้น เกิดเป็นริ้วรอยหรือจุดด่างดำเล็กๆ ที่เรียกว่า “กระ” ทั้งนี้ “กระ” สามารถเกิดขึ้นได้บนผิวหนังทุกบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย และสามารถเกิดได้กับผู้คนทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ เพียงแต่สามารถพบเห็นได้มากในคนผิวขาว จึงทำให้หลายคนคิดว่าคนเอเชียหรือคนไทยไม่น่าจะเป็น “กระ” ได้ นั่นเอง
“กระ” เกิดจากอะไร
- แสงแดด สภาวะแวดล้อมต่างๆ
“กระ” ได้ง่าย นั่นเป็นเพราะว่ารังสียูวีจากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ซึ่งเป็นเซลล์ผลิตสารสีเมลานิน ผลิตเม็ดสีชนิดนี้เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดจุดกระสีน้ำตาลเข้มกระจายไปทั่วไปใบหน้าหรือผิวหนัง ทั้งนี้ แสงแดดสามารถทำให้ “กระ” กระจายวงกว้างมากขึ้น และอาจจะทำให้สีเข้มยิ่งขึ้นได้ด้วย นอกจากแสงแดด แสงจากหน้าจอมือถือ หรือจอสมาร์ทโฟนก็ส่งผลเช่นเดียวกันอีกด้วย
- พันธุกรรมและสีผิว
นอกจากแสงแดดแล้ว ความเสี่ยงทางพันธุกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดกระ บนร่างกาย นั่นหมายความว่าหากคุณพ่อคุณแม่ของเรามีกระ ก็มีโอกาสอย่างมากที่เราจะมีกระด้วย แม้ว่าจะเผชิญแสงแดดน้อยกว่าคนอื่นๆ นอกจากนี้ คนที่มีผิวค่อนข้างขาวจะมีโอกาสเป็นกระได้มากกว่าคนผิวเข้ม นั่นก็เป็นเพราะว่าคนผิวขาวนั้น ผิวมีสารเมลานินน้อยอยู่แล้วเมื่อเผชิญแสงแดด เม็ดสีที่เพิ่มขึ้นจึงไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นกระแทนที่ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำสม่ำเสมอนั่นเอง
กระมีกี่ประเภท
Melasma Set เซตลดฝ้ากระ
มีส่วนผสมของ อัลฟ่า อาร์บูติน กรดโกจิก วิตามินบี 3 กลูต้าไธโอน สารสกัดธรรมชาติที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างขึ้น และยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
“กระ” แบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ กระทั่วไป กระแดด และกระเนื้อ ดังนี้
1. กระทั่วไป (Freckle, Ephelis)
กระทั่วไปมีลักษณะเป็นสีแทน น้ำตาลออกแดง หรือน้ำตาลอ่อน รูปร่างกลมเป็นจุดเล็ก โดยส่วนใหญ่จะพบได้มากในผู้ที่มีสีผิวค่อนข้างขาว และในครอบครัวที่มีพันธุกรรมของกระชนิดนี้
กระทั่วไป (Freckle, Ephelis)
2. กระแดด (Lentigo)
กระแดด มีลักษณะที่แตกต่างจากกระทั่วไปคือมักจะมีโทนสีที่เข้มกว่า เป็นสีแทนออกน้ำตาลเข้ม หรือดำ มักจะปรากฏตามบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า หลังส่วนบน ไหล่ หรือหลังมือ กระจากแสงแดดพบได้มากในผู้สูงอายุซึ่งเป็นผลมาจากการเผชิญแสงแดดเป็นเวลายาวนาน กระชนิดนี้จะส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใส
กระแดด (Lentigo)
3. กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)
กระเนื้อ มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็กคล้ายหูดนูนขึ้นมาจากผิวหนัง มักพบตามใบหน้า หน้าอก หลังและไหล่ โดยส่วนใหญ่แล้วพบในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดจากการที่ผิวต้องเผชิญแสงแดดหรือผลภาวะสะสมเป็นระยะเวลานานจึงเกิดเป็นกระเนื้อขึ้นมา ทั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดหรืออันตราย ยกเว้นแต่ทำเป็นปัญหาในด้านความสวยงามนั่นเอง